ข่าวประชาสัมพันธ์

จอมพลังจาก 35 ประเทศ รวม 252 คน ร่วมทำศึกยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 ที่เมืองจินจู ประเทศเกาหลีใต้ ขณะที่นักยกไทยพร้อมเต็มที่ สิริวิมล ประมงคล และ เขมิกา กำเนิดศรี จะประเดิมสนามในวันที่ 5 พฤษภาคม รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ เวลา 9.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

ความเคลื่อนไหวจอมพลังทีมชาติไทย ชุดยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 3-13 พฤษภาคม 2566 ล่าสุด นาวาเอกเพชรเกษม รตาภรณ์ ผู้จัดการทีมยกน้ำหนักไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันครั้งนี้ มีนักกีฬาจาก 35 ประเทศของเอเชีย จำนวน 252 คน ร่วมแข่งขัน แยกเป็นชาย 139 คน และหญิง 113 คน โดยทีมไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมจำนวน 14 คน ในเวลานี้ทุกคนมีความพร้อมเต็มที่ กลุ่มผู้ฝึกสอนเน้นให้มีความแม่นยำกับเหล็กสตาร์ทของตัวเอง

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันตามเวลาของประเทศไทย ซึ่งช้ากว่าประเทศเกาหลีใต้อยู่ 2 ชั่วโมงนั้น เริ่มที่รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ สิริวิมล ประมงคล และ เขมิกา กำเนิดศรี จะแข่งขันในวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.00 น. ต่อด้วยรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ ธรรญธร สุขข์เจริญ และ สุรจนา คำเบ้า เวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน จากนั้น วันที่ 6 พฤษภาคม เวลา16.00 น. รุ่น 61 กิโลกรัมชาย กลุ่มเอ ธีรพงศ์ ศิลาชัย และ อส.ทพ.ธีรพัฒน์ ชมชื่น ,วันที่ 7 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ สุรัสวดี ยอดสาร และ ธนพร แซ่เตีย ,วันที่ 8 พฤษภาคม รุ่น 73 กิโลกรัมชาย กลุ่มเอ เวลา 16.00 น. วีรพล วิชุมา และ สุทธิพงษ์ จีรัมย์ ,วันที่ 10 พฤษภาคม รุ่น 76 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ เวลา 11.00 น. สิริยากร ไขพันดุง และ รุ่น 89 กิโลกรัมชาย กลุ่มเอ เวลา 13.00 น. จ่าเอกพชรเมธี ธาระพันธ์ ,วันที่ 11 พฤษภาคม รุ่น 96 กิโลกรัมชาย กลุ่มเอ เวลา 16.00 น. ศรัท สุ่มประดิษฐ์ และวันที่ 13 พฤษภาคม รุ่น+87 กิโลกรัมหญิง กลุ่มเอ เวลา 11.00 น. ดวงอักษร ใจดี

จอมพลังไทยชุดสู้ศึกยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 3-13 พฤษภาคม 2566 ที่เมืองจินจู ประเทศเกาหลีใต้ ลงสนามซ้อมเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

นาวาเอกเพชรเกษม รตาภรณ์ ผู้จัดการทีมยกน้ำหนักทีมชาติไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 กลุ่มผู้ฝึกสอนให้คณะนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ชุดร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย สิริวิมล ประมงคล รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง, เขมิกา กำเนิดศรี รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง ,ธรรญธร สุขข์เจริญ รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ,สุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง, สุรัสวดี ยอดสาร รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง, ธนพร แซ่เตีย รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง,ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัมชาย และ อส.ทพ.ธีรพัฒน์ ชมชื่น รุ่น 61 กิโลกรัมชาย ลงมาวอร์มเบาๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าโรงแรมในช่วงเช้า

จากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน คณะนักกีฬายกน้ำหนักไทย เดินทางไปยังสนามซ้อมภายในจินจู อารีน่า ซึ่งเจ้าภาพกำหนดตารางฝึกซ้อมของทีมไทยไว้ที่เวลา13.30-15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง การซ้อมครั้งนี้ เน้นพละกำลัง และท่าเทคนิคการแข่งขัน

"สภาพทีมโดยรวมถือว่าดีมากทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนเรื่องอาหาร และที่พัก เจ้าภาพจัดเตรียมไว้เป็นที่น่าพอใจ แต่ทางทีมก็มีการเตรียมอาหารมาเสริมให้นักกีฬาด้วย ดังนั้นถือว่าทีมไทยเราพร้อมครับ " ผู้จัดการทีมยกน้ำหนักทีมชาติไทยกล่าว

การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่เมืองจินจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในรายการคัดเลือกโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

คณะนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยชุดร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ระหว่างวันที่ 3-13 พฤษภาคม 2566 เดินทางถึงเมืองจินจู ประเทศเกาหลีใต้แล้ว เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง

นาวาเอกเพชรเกษม รตาภรณ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการทีม เปิดเผยว่าคณะนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ชุดแรกที่ออกเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ก่อนจะขึ้นเครื่องบินโดยสารภายในประเทศไปลงที่เมืองปูซาน จากนั้น ก็นั่งรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงเมืองจินจู เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเซีย ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 3-13 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้คณะนักกีฬาต้องเดินทางไปที่สนามแข่งขันจินจูอารีน่า เพื่อลงทะเบียนและรับเอดีการ์ด ก่อนจะเข้าโรงแรมที่พัก เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง

ผู้จัดการทีมยกน้ำหนักทีมชาติไทย กล่าวต่ออีกว่า วันแรกนี้คงจะให้นักกีฬาทานอาหารและงดซ้อม แต่ให้ทุกคนเหยียดยืดกล้ามเนื้อเบาๆ หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน ขณะเดียวกันในส่วนของตนเองที่มีโอกาสสำรวจสนามแข่งขัน พบว่ามีความพร้อมมาก เจ้าภาพจัดให้สนามซ้อมอยู่ติดกับสนามแข่งขัน ทำให้มีความสะดวก อีกทั้งยังสวยงาม ส่วนสภาพอากาศแม้จะเย็นสบายแต่ก็ยังย้ำให้นักกีฬารักษาร่างกายให้อบอุ่นเสมอ ที่สำคัญยังคงต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด แม้นักกีฬาจากชาติอื่นจะผ่อนคลายไม่สวมแล้วก็ตาม