ข่าวประชาสัมพันธ์

การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก 2019 ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (วันศุกร์ที่ 20 ก.ย.2562) เป็นวันที่สามของการแข่งขัน รุ่น 67 ก.ก.ชาย

รุ่นนี้แบ่งเหรียญกันจนงงทั้งสามท่า ในท่าสแนตช์จอมพลังในกลุ่มเอไล่บี้กันอย่างเมามันส์ระหว่าง เฉินหลี่จวิน ของจีน กับ ดานิยาร์ อิสมายีลอฟ จากตุรกี แต่ปรากฏว่า เฟิ่งหลิวตง ของจีนอีกหนึ่งคนซึ่งลงแข่งในคลาสบี กลายเป็นตาอยู่คว้าเหรียญทองไปชนิดที่เจ้าตัวกลับที่พักไปแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องไปตามตัวกลับมารับเหรียญทองแบบมึน ๆ

เหรียญทอง สแนตช์ เฟิ่งหลิวตง(จีน) 153 ก.ก., เหรียญเงิน ดานิยาร์ อิสมายีลอฟ(ตุรกี) 150 ก.ก., ทองแดง เฉินลี่จวิน(จีน) 150 ก.ก.

สแนตช์ว่าสนุกแล้ว คลีนแอนด์เจิร์คยิ่งมันส์กว่า เมื่อเป็นการไล่ล่าเหรียญทองระหว่างจอมพลังแดนมังกรกับจอมพลังโสมแดง เฉินลี่จวิน กับพัคจองจู นอกจากจะแย่งเหรียญทองกันแล้ว ยังแย่งกันทำลายสถิติเหมือนกับเหล็กนั้นเป็นนุ่นที่ยกกันได้ง่าย ๆ

ผล พัคจองจู จากเกาหลีเหนือ คว้าเหรียญทองในท่านี้ไปครอง โดยยกได้ 188 ก.ก. และสร้างสถิติขึ้นมาใหม่ ทำลายสถิติเดิมของ เฉินลี่จวิน ที่ทำเอาไว้ 185 ก.ก.ลงอย่างราบคาบ, เหรียญเงิน เฉินลี่จวิน ซึ่งทำลายสถิติของตัวเองลงได้เช่นกันที่ 187 ก.ก., เหรียญทองแดง อัคคามยอน เออร์กาเชฟ(อุซเบกิสถาน) 182 ก.ก.

... น้ำหนักรวม เหรียญทอง เฉินลี่จวิน(จีน) 337 ก.ก., เหรียญเงิน เฟิ่งหลิวตง(จีน) 333 ก.ก. , เหรียญทองแดง พัคจองจู(เกาหลีเหนือ) 330 ก.ก.

นอกจากนี้ยังมีการสร้างสถิติโลกในรุ่นเยาวชนขึ้นใหม่อีกด้วยจาก อัคคามยอน เออร์กาเชฟ จากอุซเบกิสถาน โดยหนุ่มคาซัคฯ ทุบสถิติทั้งสามท่าที่ตัวเองเป็นคนทำเอาไว้ สแนตช์ยกได้ 146 ก.ก.(สถิติเดิม 142ก.ก.), คลีนแอนด์เจิร์คยกได้ 182 ก.ก.(สถิติเดิม 174 ก.ก.), น้ำหนักรวม 328 ก.ก.(สถิติเดิม 316 ก.ก.)

การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก 2019 ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (วันพฤหัสฯ ที่ 19 ก.ย.2562) เป็นวันที่สอง ในรุ่นนี้มี ดร.สิริลักษณ์ ทัดมั่น ทำหน้าที่ประธานควบคุมการแข่งขัน

รุ่น 49 ก.ก.หญิง (รุ่นนี้ โสภิตา ธนสาร ของไทยเป็นแชมป์เก่าในท่าสแนตช์ และชยุตรา ประมงคล เป็นแชมป์เก่าในท่าคลีนแอนด์เจิร์คและน้ำหนักรวม)

ท่าสแนตช์ หูจื่อฮุย จอมพลังสาวทีมชาติจีน เจ้าของสถิติโลกคนปัจจุบันคว้าเหรียญทองไปครอง ยกได้ 94 ก.ก. จากการยกครั้งที่สอง ส่วนครั้งที่สามเรียกเหล็ก 97 ก.ก.เพื่อจะสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาลบสถิติเดิมของตัวเองที่ทำไว้ 95 ก.ก. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2019 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากล็อคไหล่ไม่อยู่ เหล็กตกหลัง พลาดโอกาสสร้างสถิติใหม่ไปอย่างน่าเสียดาย

เหรียญเงินท่าสแนตช์ เจียงฮุยหวา(จีน) 94 ก.ก.(หูจื่อฮุยขึ้นยกก่อนจึงได้เหรียญทอง), ทองแดง รีซองกึม(เกาหลีเหนือ) 89 ก.ก.

คลีนแอนด์เจิร์ค เจียงฮุยหวา จากจีนเช่นกัน พลิกกลับมาคว้าเหรียญทอง เมื่อยกได้ 118 ก.ก.(สถิติโลกปัจจุบันเป็นของจอมพลังสาวทีมชาติไทย ชยุตรา ประมงคล 120 ก.ก.) รวมทั้งคว้าอีก 1 ทองจากน้ำหนักรวม 212 ก.ก. เป็นการสร้างสถิติขึ้นมาใหม่ โดยสถิติเดิมเป็นของ หูจื่อฮุย ทำเอาไว้ที่ 210 ก.ก. ซึ่งในครั้งนี้ หูจื่อฮุย ได้ทุบสถิติเดิมของตัวเองได้สำเร็จเช่นกันที่ 211 ก.ก. แต่โดน เจียงฮุยหวา ทำลายสถิติลงไปหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที

... เหรียญเงินท่าคลีนแอนด์เจิร์ค หูจื่อฮุย(จีน) 117 ก.ก., ทองแดง รีซองกึม(เกาหลีเหนือ) 115 ก.ก.

... เหรียญเงิน น้ำหนักรวม หูจื่อฮุย(จีน) 211 ก.ก. , ทองแดง รีซองกึม(เกาหลีเหนือ) 204 ก.ก.

สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ พร้อมที่จะสร้างจอมพลังสายเลือดใหม่ ไปโอลิมปิก 2024 “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมฯ เร่งเพิ่มประสบการณ์ให้นักกีฬา จะได้แข็งแกร่งสำหรับปารีสเกมส์ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ขอรับผิดชอบ ซึ่งหากมีผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกสมาคมฯ ก็น้อมรับ โดยเราเตรียมนักกีฬาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามา สามารถพัฒนากีฬานี้ได้ต่อเนื่องต่อไปเลย

จากกรณี สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ วางมาตรการในการคุมเข้มสารกระตุ้นต้องห้าม ซึ่งได้ทำข้อตกลงนี้ไว้กับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เพื่อให้คงกีฬานี้ไว้ในโอลิมปิก ปารีส 2024 ดังนั้น ที่ประชุมสหพันธ์ฯครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงไม่ยินยอมให้ ไทย (ซึ่งถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ และสมาคมฯ ได้แก้ต่างไปเรียบร้อยแล้ว ว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเพียงการกระทำของโค้ช ที่ให้เจล รักษาอาการบาดเจ็บกับนักกีฬา) ลงแข่งขันในศึกยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก 2019 วันที่ 18-27 ก.ย.นี้ ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

“มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โอกาสของนักกีฬาไทย ที่จะได้ไปโอลิมปิก โตเกียว 2020 มีไม่มากแล้ว เพราะหลังจากนี้ไม่น่าจะเก็บคะแนนสะสมอันดับโลกได้ทัน ด้วยเราประสบวิกฤติ ซึ่งเป็นปัญหาที่เราไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากการตรวจสารกระตุ้น เป็นการตรวจด้วยวิธีพิเศษ ไม่ใช่วิธีปกติ ใช้กราฟมาเปรียบเทียบด้วยคอมพิวเตอร์ โดยในโอลิมปิกครั้งนี้ นักกีฬาคนเก่ง ๆ ของเราก็ไม่มีแล้ว ที่มีอยู่ก็เป็นเด็กใหม่ ๆ ทั้งนั้น หากสุดท้ายได้ไปจริง ๆ ก็มีโอกาสพลาดหวังได้

นางบุษบา กล่าวต่อว่า การพลาดโอกาสในโอลิมปิก โตเกียว 2020 ยอมรับเป็นความผิด เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เด็กเราไม่เคยเจอสารต้องห้ามมากขนาดนี้ ต้องขอรับผิดชอบ ซึ่งหากมีผู้ที่เหมาะสมจะมาเป็นนายกสมาคมฯ ก็น้อมรับ ซึ่งเราเตรียมนักกีฬาไว้หมดแล้ว ผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามา สามารถพัฒนากีฬานี้ได้ต่อเนื่องต่อไปเลย เพราะสมาคมวางแผนไว้ในระยะยาว เป็นที่เรียบร้อย

“สำหรับนักกีฬารุ่นใหม่ ที่กำลังก้าวขึ้นมา แม้จะเก่งก็จริง แต่ก็ต้องมีประสบการณ์ด้วย จากนี้สมาคมจะค่อย ๆ สร้างดาวรุ่งเหล่านี้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการส่งไปแข่งขันรายการเล็ก ๆ ให้เกิดความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ ควบคู่กันไปด้วย ถ้าทุกอย่างลงตัว ทั้งความแข็งแกร่งของร่างกาย และจิตใจ ก็จะทำให้โอลิมปิก ปารีส 2024 ไทยเรามีโอกาสมากขึ้น โอกาสได้ลุ้นเหรียญจะอยู่ที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว” นางบุษบา กล่าว